"พี่พยาบาลชวนคุย: รู้จักและดูแลตัวเองเมื่อต้องใช้เครื่องออกซิเจน High Flow"
อัพเดทล่าสุด: 19 พ.ย. 2025
104 ผู้เข้าชม

สวัสดีค่ะคนไข้และญาติๆ ทุกคน วันนี้พี่พยาบาลอยากมาเล่าเรื่องเจ้าเครื่องมือตัวเก่งที่กำลังช่วยประคองการหายใจของเราอยู่ตอนนี้ นั่นก็คือ "เครื่องออกซิเจนไฮโฟลว์ (High Flow Oxygen)" หรือสายยางเส้นใหญ่ที่จมูกเรานั่นเองค่ะ
หลายคนเห็นสายใหญ่ๆ เครื่องดูซับซ้อนแล้วอาจจะตกใจ แต่วันนี้พี่พยาบาลจะมาสรุปให้ฟังง่ายๆ ว่าเราจะ "เลือก" สังเกตอุปกรณ์อย่างไรให้เหมาะกับเรา และจะ "ดูแล" ตัวเองอย่างไรให้สบายตัวและหายไวที่สุดค่ะ
ส่วนที่ 1: เลือกให้ "ใช่" ปรับให้ "ชอบ" (เรื่องของอุปกรณ์)
ปกติคุณหมอจะเป็นคนกำหนดค่าต่างๆ ให้ แต่เราในฐานะคนใช้งาน ก็ต้องรู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่า "ดี" และ "เหมาะ" กับเราค่ะ
1. ขนาดสายจมูก (Cannula) ต้องพอดีเป๊ะ
หลักการ: สายที่เสียบจมูก (Prongs) ไม่ควรใหญ่คับรูจมูกจนแน่นเกินไป ควรมีขนาดประมาณ ครึ่งหนึ่ง (50%) ของรูจมูก ของเราค่ะ
ทำไม? เพื่อให้ลมหายใจออกไหลย้อนกลับออกมาได้สะดวก ถ้าแน่นไปจะอึดอัดและจมูกอาจเป็นแผลได้
ทริคพยาบาล: ถ้ารู้สึกเจ็บหรือแน่นจมูก รีบบอกพยาบาลนะคะ เราเปลี่ยนไซส์ให้ได้ค่ะ
2. ความชื้นและอุณหภูมิ (หัวใจสำคัญ!)
High Flow ไม่ใช่แค่ลมแรง แต่คือ "ลมอุ่นและชื้น" ค่ะ
สังเกต: ลมที่เข้าจมูกต้องไม่แห้งแสบ และไม่ร้อนจนลวก หรือเย็นจนหนาวสั่น อุณหภูมิร่างกายคนเราปกติประมาณ 37 องศา เครื่องมักจะตั้งไว้ใกล้เคียงกันค่ะ
ทริคพยาบาล: ถ้าเริ่มรู้สึกคอแห้ง หรือมีน้ำกลั่นตัวในสายเยอะจนกระเด็นเข้าจมูก แจ้งพี่พยาบาลมาเทน้ำออกหรือปรับความชื้นได้เลย ไม่ต้องทนนะคะ
ส่วนที่ 2: การดูแลตัวเองและคนไข้ (ฉบับทำตามง่าย)
เมื่อติดตั้งเครื่องแล้ว หน้าที่ของคนไข้และญาติคือการดูแล "ความสุขสบาย" และ "ความปลอดภัย" ค่ะ
1. ดูแลจมูกและปาก อย่าให้แห้งหรือเป็นแผล
ทาโลชั่น/วาสลีนบางๆ: บริเวณรอบรูจมูก หรือริมฝีปาก เพื่อป้องกันผิวแตกแห้งจากลมเป่า
ระวังแผลกดทับ: สายรัดศีรษะต้องไม่แน่นจนรัดหู หรือกดทับแก้ม ให้ขยับสายบ้าง หรือใช้ผ้ากอซรองบริเวณที่สายพาดผ่านหูค่ะ
2. การกินและดื่ม
กินได้ไหม? คนไข้ High Flow กินข้าวได้ค่ะ เพราะสายอยู่ที่จมูก ปากว่าง
ข้อควรระวัง: เวลาเคี้ยวและกลืน "ห้ามรีบ" เด็ดขาด เคี้ยวให้ละเอียด จิบน้ำทีละน้อย เพราะลมที่เป่าเข้ามาตลอดเวลาอาจทำให้สำลักได้ง่ายกว่าปกติค่ะ
3. การจัดท่าทาง
ท่านั่งหัวสูง (45-60 องศา): เป็นท่าที่ปอดขยายตัวได้ดีที่สุด หายใจสะดวกที่สุด พยายามนั่งบ้างอย่าลรแต่นอนราบนะคะ
ระวังสายหักพับ: เวลาพลิกตัวหรือลุกนั่ง คอยดูสายส่งออกซิเจนอย่าให้ถูกทับ หรือหักงอ เพราะลมจะหยุดไหล เครื่องจะร้องเตือนตกใจกันเปล่าๆ ค่ะ
4. สังเกตอาการตัวเอง (สำคัญมาก!)
ถ้ามีอาการเหล่านี้ ให้รีบกดออดเรียกพยาบาลทันที:
หายใจเหนื่อยขึ้นกว่าเดิม เหมือนอากาศไม่พอ
หน้าอกกระเพื่อมแรง หรือต้องใช้แรงสูดหายใจเยอะ
รู้สึกอึดอัดมาก ทนลมแรงไม่ไหว
ระดับออกซิเจนปลายนิ้ว (ถ้ามีเครื่องวัด) ต่ำกว่าที่หมอกำหนด (เช่น ต่ำกว่า 92-94%)
บทส่งท้ายจากพี่พยาบาล
การใส่ High Flow อาจจะรำคาญบ้างในช่วงแรก เพราะลมมันแรงและมีเสียงฟู่ๆ ตลอดเวลา แต่ขอให้อดทนนะคะ เพราะเจ้าเครื่องนี้ช่วย "ถางทางเดินหายใจ" ให้โล่ง และช่วยลดการทำงานของปอด ทำให้เราไม่ต้องออกแรงหายใจเยอะ ปอดจะได้พักและฟื้นตัวไวๆ
สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คนไข้ทุกคนหายไวๆ แล้วกลับบ้านไปสูดอากาศธรรมชาติได้เร็วๆ ค่ะ! ^^
ด้วยความปรารถนาดีจากทีมพยาบาล
หลายคนเห็นสายใหญ่ๆ เครื่องดูซับซ้อนแล้วอาจจะตกใจ แต่วันนี้พี่พยาบาลจะมาสรุปให้ฟังง่ายๆ ว่าเราจะ "เลือก" สังเกตอุปกรณ์อย่างไรให้เหมาะกับเรา และจะ "ดูแล" ตัวเองอย่างไรให้สบายตัวและหายไวที่สุดค่ะ
ส่วนที่ 1: เลือกให้ "ใช่" ปรับให้ "ชอบ" (เรื่องของอุปกรณ์)
ปกติคุณหมอจะเป็นคนกำหนดค่าต่างๆ ให้ แต่เราในฐานะคนใช้งาน ก็ต้องรู้ว่าแบบไหนที่เรียกว่า "ดี" และ "เหมาะ" กับเราค่ะ
1. ขนาดสายจมูก (Cannula) ต้องพอดีเป๊ะ
หลักการ: สายที่เสียบจมูก (Prongs) ไม่ควรใหญ่คับรูจมูกจนแน่นเกินไป ควรมีขนาดประมาณ ครึ่งหนึ่ง (50%) ของรูจมูก ของเราค่ะ
ทำไม? เพื่อให้ลมหายใจออกไหลย้อนกลับออกมาได้สะดวก ถ้าแน่นไปจะอึดอัดและจมูกอาจเป็นแผลได้
ทริคพยาบาล: ถ้ารู้สึกเจ็บหรือแน่นจมูก รีบบอกพยาบาลนะคะ เราเปลี่ยนไซส์ให้ได้ค่ะ
2. ความชื้นและอุณหภูมิ (หัวใจสำคัญ!)
High Flow ไม่ใช่แค่ลมแรง แต่คือ "ลมอุ่นและชื้น" ค่ะ
สังเกต: ลมที่เข้าจมูกต้องไม่แห้งแสบ และไม่ร้อนจนลวก หรือเย็นจนหนาวสั่น อุณหภูมิร่างกายคนเราปกติประมาณ 37 องศา เครื่องมักจะตั้งไว้ใกล้เคียงกันค่ะ
ทริคพยาบาล: ถ้าเริ่มรู้สึกคอแห้ง หรือมีน้ำกลั่นตัวในสายเยอะจนกระเด็นเข้าจมูก แจ้งพี่พยาบาลมาเทน้ำออกหรือปรับความชื้นได้เลย ไม่ต้องทนนะคะ
ส่วนที่ 2: การดูแลตัวเองและคนไข้ (ฉบับทำตามง่าย)
เมื่อติดตั้งเครื่องแล้ว หน้าที่ของคนไข้และญาติคือการดูแล "ความสุขสบาย" และ "ความปลอดภัย" ค่ะ
1. ดูแลจมูกและปาก อย่าให้แห้งหรือเป็นแผล
ทาโลชั่น/วาสลีนบางๆ: บริเวณรอบรูจมูก หรือริมฝีปาก เพื่อป้องกันผิวแตกแห้งจากลมเป่า
ระวังแผลกดทับ: สายรัดศีรษะต้องไม่แน่นจนรัดหู หรือกดทับแก้ม ให้ขยับสายบ้าง หรือใช้ผ้ากอซรองบริเวณที่สายพาดผ่านหูค่ะ
2. การกินและดื่ม
กินได้ไหม? คนไข้ High Flow กินข้าวได้ค่ะ เพราะสายอยู่ที่จมูก ปากว่าง
ข้อควรระวัง: เวลาเคี้ยวและกลืน "ห้ามรีบ" เด็ดขาด เคี้ยวให้ละเอียด จิบน้ำทีละน้อย เพราะลมที่เป่าเข้ามาตลอดเวลาอาจทำให้สำลักได้ง่ายกว่าปกติค่ะ
3. การจัดท่าทาง
ท่านั่งหัวสูง (45-60 องศา): เป็นท่าที่ปอดขยายตัวได้ดีที่สุด หายใจสะดวกที่สุด พยายามนั่งบ้างอย่าลรแต่นอนราบนะคะ
ระวังสายหักพับ: เวลาพลิกตัวหรือลุกนั่ง คอยดูสายส่งออกซิเจนอย่าให้ถูกทับ หรือหักงอ เพราะลมจะหยุดไหล เครื่องจะร้องเตือนตกใจกันเปล่าๆ ค่ะ
4. สังเกตอาการตัวเอง (สำคัญมาก!)
ถ้ามีอาการเหล่านี้ ให้รีบกดออดเรียกพยาบาลทันที:
หายใจเหนื่อยขึ้นกว่าเดิม เหมือนอากาศไม่พอ
หน้าอกกระเพื่อมแรง หรือต้องใช้แรงสูดหายใจเยอะ
รู้สึกอึดอัดมาก ทนลมแรงไม่ไหว
ระดับออกซิเจนปลายนิ้ว (ถ้ามีเครื่องวัด) ต่ำกว่าที่หมอกำหนด (เช่น ต่ำกว่า 92-94%)
บทส่งท้ายจากพี่พยาบาล
การใส่ High Flow อาจจะรำคาญบ้างในช่วงแรก เพราะลมมันแรงและมีเสียงฟู่ๆ ตลอดเวลา แต่ขอให้อดทนนะคะ เพราะเจ้าเครื่องนี้ช่วย "ถางทางเดินหายใจ" ให้โล่ง และช่วยลดการทำงานของปอด ทำให้เราไม่ต้องออกแรงหายใจเยอะ ปอดจะได้พักและฟื้นตัวไวๆ
สู้ๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้คนไข้ทุกคนหายไวๆ แล้วกลับบ้านไปสูดอากาศธรรมชาติได้เร็วๆ ค่ะ! ^^
ด้วยความปรารถนาดีจากทีมพยาบาล
บทความที่เกี่ยวข้อง
มารู้จักกับ "Mesh Nebulizer" นวัตกรรมพ่นยาแบบพกพา ที่เปลี่ยนเรื่อง "ใหญ่" ให้เป็นเรื่อง "เล็ก"
สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หอบหืด หรือโรคถุงลมโป่งพอง การพ่นยาขยายหลอดลมหรือละลายเสมหะมักจะเป็นเรื่องวุ่นวาย ภาพจำเดิมๆ คือเครื่องขนาดใหญ่ เสียงดังกระหึ่ม และต้องคอยหาปลั๊กไฟเสียบตลอดเวลา แต่ปัจจุบันโลกการแพทย์เปลี่ยนไปแล้วด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า "Mesh Nebulizer"
19 พ.ย. 2025
Treatment options may include rest, ice, compression, elevation, physical therapy.
4 ก.พ. 2024


